ความผิดตาม พรบ.คนเข้าเมืองโดยไม่มีวีซ่า พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการหลบ หนีเข้าเมืองนั้น คนสัญชาติพม่าถูกจับกุมมากที่สุดในปี พ.ศ.2538 จำนวน 15,051 คน คิดเป็นจำนวน 71.55 เปอร์เซ็นต์
การส่งกลับของผู้หลบหนีเข้าเมืองไม่มีวีซ่า
เป็นคนสัญชาติพม่ามากที่สุด ซึ่งในปี 2537 จำนวน 41,882 คน ปี 2538 จำนวน 51,095 คน
คิดเป็นร้อยละ 82.09 ปัญหาสำคัญของผู้หลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า
มีพื้นฐานมาจากเศรษฐกิจ ภายในประเทศตกตํ่า ประชนมีรายไค้น้อย ยากจน
จึงไค้พากันหลบหนีเข้ามาใน ประเทศไทย เมื่อถูกจับดำเนินคดีและคดีถึงที่สุดแล้ว
ส่วนใหญ่ศาลจะพิพากษาปรับ บุคคลเหล่านั้น แต่ไม่สามารถมีเงินเสียค่าปรับไค้ มีแต่ไม่ยอมเสียค่าปรับ
จึงต้อง กักขังแทนค่าปรับ ซึ่งรัฐบาลไทยต้องรับภาระเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการเลี้ยงดู
ระหว่างรอการส่งกลับ
ประกอบกับมีบางส่วนของผู้หลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่าไม่ทำวีซ่าเป็น
ชนกลุ่มน้อย ซึ่งรัฐบาลพม่าเองไม่ยอมรับ เมื่อรัฐบาลไทยส่งตัวกลับชนกลุ่มน้อยดัง
กล่าวก็จะถูกฆ่าทิ้งทำร้าย จึงต้องดำเนินการส่งตัวกลับในทางลับ เป็นเหตุให้ผู้
หลบหนีเข้าเมืองดังกล่าวกลับเข้ามาอีก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่สิ้นสุด
จากการที่ประเทศไทยไค้มีอัตราการพัฒนา และ การเจริญเติบโตทาง
เศรษฐกิจอย่างต่อเมื่องในระดับค่อนข้างสูง ผลจากการพัฒนาทำให้โครงสร้างทาง
เศรษฐกิจมีการขยายตัว โครงสร้างการผลิตก็มีการเปลี่ยนแปลงจากการพึ่งพาภาค
เกษตรกรรมเป็นหลักไปสู่ภาคอุตสาหกรรม และการบริการ ส่งผลให้เกิดความต้องการ
กำลังแรงงานมากขึ้นทั้งในค้านปริมาณและคุณภาพ มีการเคลื่อนย้ายแรงงานไปสู่ภาค
การผลิตที่ให้ค่าตอบแทนการทำงานที่สูงกว่า ประกอบกับการที่ประเทศไทยรณรงค์
เกี่ยวกับการคุมกำเนิดซึ่งไค้ผลอย่างมาก และการใช้นโยบายขยายการศึกภาคบังคับ
ทำให้ผู้จบการศึกษาในระดับประถมศึกษาแล้วออกหางา ทำมีจำนวนน้อยลง สภาพดัง
กล่าวทำให้จำนวนแรงงานที่เข้าสู่ตลาดแรงงานลดลงอย่างมากโดยเฉพาะแรงงานไรปีมือ
ซึ่งทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรมและกิจการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น